หน้าแรก Intro at maesai

         แม่สายเมืองสายหมอก

แม่สาย แม่สายเป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดเชียงราย ที่อยู่เหนือสุดของประเทศไทย เป็นเมืองที่มีธรรมชาติงดงาม มีหลากหลายวัฒนธรรม นับสิบชนเผ่า เป็นอำภอที่เต็มเปี่ยมด้วยรอยยิ้มและความสุข ในความหลากหลายและการดำลงชีวิตที่แตกต่างกัน
    อำเภอแม่สายเป็นอำเภอที่มั่นคั่งทางด้านเศรษฐกิจและหลากหลายในศิลปะวัฒนธรรม เป็นนครโบราณของประเทศไทยเคย มีมหาราชของประเทศไทยเป็นผูุ้ปกครอง ทั้งยังมีความอุดมสมบูรณ์ในป่าไม้และธรรมชาติ มีความอุดมสมบูรณ์ทั้งผืนดินและแหล่งน้ำ มีงานชั่งฝีมือและงานศิลปะที่หลากหลายและงดงาม จนกระทั่งเป็นอุตสหกรรมสำหรับชุมชนได้ ทั้งยังเป็นเมืองเศรษฐกิจสำคัญที่เป็นประตูสู่หน้าด่านสู่หลายๆประเทศ ในเส้นทาง R3B


ประวัติและความเป็นมา




เมืองแม่สายในปัจจุบันนี้ แต่เดิมคือ "เมืองเวียงศรีทวง" หรือ "เวียงสี่ตวง" ซึ่งต่อมาได้ชื่อว่า "เวียงพานคำ" ตามขื่อของช้างที่พระพรหมกุมารใช้เป็นพาหนะในการออกสู้รบกับพระยาขอมจนได้รับชัยชนะ และในปัจจุบันตัวเมืองแม่สาย รวมทั้งอาคารที่ว่าการอำเภอแม่สายนั้น ตั้งอยู่ที่ ต.เวียงพางคำ ซึ่งคาดว่าเพี้ยนมาจาก "เวียงพานคำ" นั่นเอง นอกจากนี้ในพื้นที่หมู่ 3 ต.เวียงพางคำ ยังมีบ้านเวียงพาน และวัดเวียงพาน ตั้งอยู่อีกด้วยตัวคูเมืองเดิมนั้นมีให้พบเห็นอยู่ทั่วไปในเขตชุมชนเมืองแม่สาย และยังคงมีประโยชน์ในการรับน้ำที่ไหลบ่ามาจากเทือกเขาด้านตะวันตกมิให้ไหลเข้ามาท่วมบริเวณตัวเมืองอีกด้วย ประกอบกับในตำนานยังได้กล่าวย้ำถึงสถานที่ตั้งของเมือง "เวียงสี่ตวง" ว่าอยู่ทิศตะวัตตกเฉียงเหนือของเวียงโยนกนครฯ (อ.เชียงแสนในปัจจุบัน) ริมแม่น้ำใส ซึ่งก็คือแม่น้ำสาย ในปัจจุบันนั่นเอง.
         แม่สายเมื่อ 60 ปีที่แล้ว เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ติดชายแดนไทยพม่า (ประเทศพม่าปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็นสาธารณรัฐสหภาพเมียนม่าร์) ที่ท่าขี้เหล็กเงียบสงบไม่พลุกพล่านเช่นปัจจุบัน
         แต่เดิมบริเวณแม่สายเป็นหมู่บ้านเวียงพานเขตปกครองของตำบลแม่สาย อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงรายได้รับการยกฐานะเป็นกิ่งอำเภอแม่สายขึ้นกับอำเภอแม่จันในปี 2481 ต่อมาเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2493 ได้ยกฐานะเป็นอำเภอแม่สายโดยได้ทำการเปิดอาคารที่ว่าการอำเภอหลังแรก เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2494
         เดิมเทศบาลตำบลแม่สายมีฐานะเป็นสุขาภิบาลโดยประกาศกระทรวงมหาดไทยเมื่อวันที่ 14 เดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2499 และได้รับการยกฐานะเป็นสุขาภิบาลที่มีฐานะการคลังเพียงพอที่จะบริหารซึ่งประธานมาจากการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2536
         ต่อมาได้รับการเปลี่ยนแปลงฐานะจากสุขาภิบาลเป็นเทศบาลตำบล เมื่อวันที่ 25  พฤษภาคม 2542 ตามพระราชบัญญัติการเปลี่ยนแปลงฐานะจากสุขาภิบาลเป็นเทศบาลตำบล พ.ศ. 2542 ซึ่งประกาศในราชกิจจาอุเบกขา เล่ม 116 ตอนที่ 9 ก ลงวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2542

ข้อมูลสภาพทั่วไปและข้อมูลพื้นฐาน


สภาพทั่วไป


     เทศบาลตำบลแม่สาย เป็นชุมชนที่มีความสำคัญมากชุมชนหนึ่ง เนื่องมาจากตั้งอยู่ชายแดนมีความสัมพันธ์ทางด้านเศรษฐกิจและสังคมอย่างใกล้ชิดกับประเทศเมียนม่าร์   ในอนาคตเพื่อการพัฒนาโครงการสี่เหลี่ยมเศรษฐกิจ     ความสำคัญของเมืองแม่สายจะยิ่งทวีขึ้นแต่อย่างไรก็ตาม  โครงการสี่เหลี่ยมเศรษฐกิจปรากฏขึ้น   อาจจะนำมาซึ่งปัญหาต่างๆอันได้แก่  ปัญหาการจราจร  ปัญหาการระบายน้ำ  และภาวะมลพิษทางน้ำ ปัญหาการขาดพื้นที่ถาวรสำหรับใช้เป็นสถานที่กำจัดขยะ ปัญหาการบุกรุกพื้นที่สาธารณะ ปัญหาแหล่งเสื่อมโทรมหรือชุมชนแออัด ปัญหาที่เกิดจากความไม่เป็นระเบียบของเมืองทั้งในรูปร่าง ลักษณะ ขนาด และการใช้สี เป็นต้น ปัญหาเหล่านี้มีส่วนให้เมืองแม่สายด้อยคุณค่าลง และควรได้รับการแก้ไขเพื่อให้เมืองแม่สายสามารถทำหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ   เป็นเมืองสวยงามน่าอยู่ ทำให้ประชาชนในท้องถิ่นเกิดความภาคภูมิใจ และสร้างความประทับใจแก่นักท่องเที่ยว


ลักษณะที่ตั้ง


เทศบาลตั้งอยู่ในพื้นที่อำเภอแม่สายอยู่ทางทิศเหนือของจังหวัดเชียงราย ติดกับชายแดนไทยกับประเทศเมียนม่าร์อยู่ห่างจากอำเภอเมืองเชียงรายประมาณ  63 กิโลเมตร   โดยมีอาณาเขตดังต่อไปนี้

อาณาเขตด้านทิศเหนือ ติดกับสาธารณรัฐสหภาพเมียนม่าร์มีลำน้ำสายเป็นแนวพรมแดน

อาณาเขตด้านทิศตะวันออก ติดกับเทศบาลตำบลแม่สายมิตรภาพ

อาณาเขตด้านตะวันตก และด้านทิศใต้ ติดกับเทศบาลตำบลเวียงพางคำ

ข้อมูลด้านเศรษฐกิจ

การพาณิชยกรรมและบริการ

สถานประกอบการด้านพาณิชยกรรม

ก)  สถานีบริการน้ำมัน                               จำนวน  1  แห่ง
ข)  ตลาดสด                                             จำนวน  5  แห่ง
     1)  ตลาดสดนายบุญยืน     
     2)  ตลาดสดไม้ลุงขน        
     3)  ตลาดสดป่ายาง
     4)  ตลาดสดลินทิพย์
     5)  ตลาดสดนายบุญมั่น
ค)  ร้านค้าทั่วไป                           จำนวน  1,884  แห่ง (ข้อมูลงานจดทะเบียนพาณิชย์: กองคลัง เทศบาลตำบลแม่สาย ณ เดือนมีนาคม 2558)


สถานประกอบการเทศพาณิชย์

1) โรงฆ่าสัตว์
     ปัจจุบันเทศบาลมีโรงฆ่าสัตว์ในความรับผิดชอบ จำนวน  1  แห่ง  โดยเทศบาลได้ดำเนินการก่อสร้างตามแบบแปลนมาตรฐาน
2)  สถานธนานุบาล
     ในเขตเทศบาลตำบลแม่สายมีสถานธนานุบาลของเอกชนให้บริการ 1 แห่งด้วย 


สถานประกอบการค้าด้านบริการ

ก)  โรงแรมและรีสอร์ตในเขตเทศบาล    13 แห่ง

ข)  ธนาคารในเขตเทศบาล  จำนวน     15  แห่ง  ได้แก่

     1)  ธนาคารกรุงไทย 

     2)  ธนาคารไทยพาณิชย์ (สาขา 1 ข้างโรงรับจำนำ)

     3)  ธนาคารไทยพาณิชย์ (สาขา 2 หน้าด่านพรมแดน)

     4)  ธนาคารกรุงเทพฯ

     5)  ธนาคารกสิกรไทย (สาขา 1)
     6)  ธนาคารกสิกรไทย (สาขา 2 ซอยหน้าโรงเรียนเวียงพาน)
     7)  ธนาคารทหารไทย
     8)  ธนาคารกรุงศรีอยุธยา
     9) ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย                  
    10)  ธนาคารออมสิน
    11)  ธนาคารธนชาต                                                                                          
    12)  ธนาคารเพื่อการเกษตร (ธกส.)
    13) ธนาคาร CIMB Thai
    14) ธนาคารอาคารสงเคราะห์                                                                       
    15)  ธนาคาร SME BANK

การอุตสาหกรรม

     ภายในเขตเทศบาล  ยังไม่มีการตั้งโรงงานเพื่อการผลิตสินค้าทางอุตสาหกรรม
ขนาดใหญ่ใดๆ  คงมีเพียงอุตสาหกรรมขนาดเล็กเท่านั้นที่จัดทำเป็นธุรกิจ   ซึ่งประกอบด้วย
1.  โรงสีข้าว                          จำนวน    1  แห่ง        
2.  โรงทำเส้นก๋วยเตี๋ยว          จำนวน    4  แห่ง        
3.  โรงน้ำแข็ง                        จำนวน    4  แห่ง        
4.  โรงงานเจียระไนพลอย      จำนวน   8  แห่ง        

ข้อมูลด้านสังคม

ชุมชน

สำหรับเทศบาลตำบลแม่สาย  ได้ประกาศจัดตั้งชุมชนโดยแบ่งออกเป็น  10 ชุมชนตามเขตของหมู่บ้าน ดังนี้
ตำบลเวียงพางคำ  ประกอบด้วย  5 ชุมชน  ดังนี้
1)  ชุมชนแม่สาย   หมู่ 1 ต. เวียงพางคำ              
2)  ชุมชนดอยเวา  หมู่ 1 ต.เวียงพางคำ              
3)  ชุมชนดอยงาม  หมู่ 2  ต. เวียงพางคำ
4)  ชุมชนเวียงพาน  หมู่ 3    ต. เวียงพางคำ
5)  ชุมชนป่ายางผาแตก หมู่ 10 ต.เวียงพางคำ             
ตำบลแม่สาย   ประกอบด้วย  5 ชุมชน  ดังนี้
1)  ชุมชนเหมืองแดง  หมู่ 2   ต. แม่สาย              
2)  ชุมชนป่ายางชุม  หมู่ 6    ต. แม่สาย              
3)  ชุมชนเกาะทราย  หมู่ 7   ต. แม่สาย
4)  ชุมชนป่ายาง   หมู่ 8  ต. แม่สาย
5)  ชุมชนไม้ลุงขน  หมู่ 10  ต. แม่สาย

การศึกษา

สถานศึกษา  ในเขตเทศบาลมีทั้งหมด  14  แห่ง  (รวมศูนย์การศึกษานอกโรงเรียน) ได้แก่
1)    โรงเรียนแม่สายประสิทธิ์ศาสตร์                          
2)    โรงเรียนอนุบาลแม่สาย
3)    โรงเรียนบ้านป่ายาง                                        
4)    โรงเรียนบ้านเวียงพาน
5)    โรงเรียนชุมชนไม้ลุงขน                                     
6)    โรงเรียนบ้านเหมืองแดง
7)    โรงเรียนดรุณราษฎร์วิทยา               
8)    ศูนย์การศึกษานอกโรงเรียน
9)    โรงเรียนเทศบาล 1 (วัดพรหมวิหาร)                             
10)  โรงเรียนเทศบาล 2 (วัดป่ายาง)
11)  ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กวัดพรหมวิหาร
12)  โรงเรียนอารียาวิทย์
13)  โรงเรียนพิกุลพัฒนศาสตร์
14)  โรงเรียนเอกทวีวิทย์ 

การนับถือศาสนา

ประชากรในเขตเทศบาลตำบลแม่สายส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ    ดังนั้น  ศาสนสถานส่วนใหญ่จึงเป็นศาสนสถานในศาสนาพุทธ  และโดยพื้นที่นี้เป็นชุมชนที่มีการตั้งถิ่นฐานมาแต่โบราณกาล จึงมีศาสนสถานที่เป็นโบราณสถานอยู่ด้วย   ศาสนสถานในเขตเทศบาลตำบลแม่สาย  มีดังนี้
1)  วัดพระธาตุดอยเวา                  
2)  วัดพญาสี่ตวงคำ                      
3)  วัดเวียงพาน                           
4)  วัดแม่สาย                             
5)  วัดป่ายาง 
6)  วัดเหมืองแดง
7)  วัดผาสุการาม (วัดไม้ลุงขน)
8)  วัดพรหมวิหาร
9) สำนักสงฆ์สามัคคีธรรมเกาะทราย
10 สำนักสงฆ์บ้านดอยงาม  
11)  มัสยิดอิสลาม  1  แห่ง                         
12) คริสต์จักร  1  แห่ง
นอกจากนี้ยังมีสุสาน2 แห่ง คือ สุสานเหมืองแดง และสุสานแม่สาย (ในเขตเทศบาลตำบลเวียงพางคำ)

แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม


1.ท่าขี้เหล็ก


ท่าขี้เหล็ก เป็นเขตของพม่า ติดต่อแม่สาย ซึ่งกั้นกลางด้วยแม่น้ำสายแบ่งพรมแดนของไทยกับพม่า เป็นแหล่งที่นักท่องเที่ยวที่มาอำเภอแม่สายได้จับจ่ายซื้อของกันเป็นอย่างมาก ผู้ที่ไปเที่ยวจังหวัดเชียงราย นิยมข้ามไปซื้อของฝาก สินค้าพื้นเมืองของพม่าหรือ ชาวเขาที่อยู่แถวชายแดน รวมทั้งของฝากจากทางเหนือไปฝากญาติมิตร ในการข้ามไปท่าขี้เหล็ก ไม่มีพิธีการอะไรมากนัก นักท่องเที่ยวชาวไทยเดินทางเข้าเขตประเทศพม่า ได้ตั้งแต่เวลา 06.00 – 18.00 น. วันศุกร์ เสาร์ และวันนักขัตฤกษ์ ขยายเวลาถึง 21.00 น. โดยจะต้องเสียค่าธรรมเนียมคนละ 5 บาท สำหรับชาวต่างประเทศ 5 เหรียญสหรัฐ ใช้พาสปอร์ตไปติดต่อที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองแม่สาย ปัจจุบันนักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปเที่ยวได้ถึงจังหวัดเชียงตุง


2.วัดถ้ำเสาหินพญานาค

วัดถ้ำเสาหิน ตั้งตามชื่อของถ้ำที่อยู่ทางทิศตะวันตก ซึ่งในถ้ำนั้นมีลักษณะเป็นหินย้อยลงมาจรดเบื้องล่าง มีสันฐานคล้ายเสาบ้านมีหลายๆต้น ในถ้ำนั้นลึกเข้าไปประมาณ 40-70 เมตร(เคยเป็นที่เก็บวัตถุโบราณ)ที่สุดของถ้ำเป็นที่โล่งกว้าง ณ ที่ตรงนี้จะเรียก ว่า ลาน(ข่วง)พญานาค อันเป็นที่มาของคำว่า”ถ้ำเสาหินพญานาค”ดังกล่าว ปัจจุบันนี้เนื้อที่ของวัดมีอยู่ 80 ไร่ 3 งาน 60 ตารางวา ปัจจุบันมีพระครูประภัสร์จิตสังวร เป็นเจ้าอาวาส ถ้าใครชอบแหล่งท่องเที่ยวของอำเภอแม่สาย แบบสายๆ ก็สามารถแวะมาเที่ยวได้

3.หนองน้ำพุ

หนองน้ำพุ จะเป็นแหล่งน้ำอยู่ในพื้นที่ของอ่างเก็บน้ำขนาดกลางในอำเภอแม่สาย ตั้งอยู่ในพื้นที่ “บ้านจ้อง” อยู่ใกล้กับถ้ำหลวง ถือได้ว่าเป็นสิ่งอัศจรรย์ เพราะว่าเมื่อเวลาส่งเสียงหรือปรบมือดังๆ ใกล้กับหนองน้ำ จะทำให้น้ำกลางหนองจะมีฟองน้ำพุ่งขึ้นมาบนผิวน้ำ ยิ่งเสียงดังมากเท่าไหร่ฟองน้ำจะยิ่งเพิ่มมากขึ้นอีก นอกจากนี้บริเวณโดยรอบยังมีบรรยากาศทิวทัศน์ที่สวยงามอีกแห่งหนึ่งของแม่สายอีกด้วย


4.น้ำบ่อหลวง

หรือว่า น้ำบ่อหยั๊ก เป็นภาษาเหนือ แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2448 เป็นน้ำบ่ที่มีขนาดกว้างมาก กว้างกว่าน้ำบ่อทั่วไป มีน้ำใส่สะอาดทั้งปี และมีมีปริมาณมากตลอดเวลา ซึ่งนับเป็นความภูมิใจของภูมิปัญญาของคนในท้องถิ่นชาวเหนือ ที่สามารถขุดเจาะหาแล่งน้ำที่ดีได้ ทั้งที่บริเวณแห่งนี้เป็นสถานที่ลาดเอียง มีความสู่กว่าระดับน้ำเหมืองมาก (ด้วยขนาดของบ่อน้ำที่มีขนาดกว้างใหญ่และมีน้ำบ่อทีสร้างขึ้นมาเพื่อประโยชน์ส่วนกลาง จึงเรียกชื่อตามว่า “น้ำบ่หลวง) ชาวแม่สายและบริเวณใกล้เคียง ได้ใช้น้ำบ่นี้อุปโภคบริโภคเป็นเวลาหลายสิบปี ต่อมาตึกราบ้านช่องเกิดขึ้นมากมาย ตามความเจริญของบ้านเมือง ระบบน้ำประปาเกิดขึ้นตามมาด้วย ซึ่งให้ความสะดวกกว่าการตักน้ำจากบ่อมาก ความสำคัญของน้ำบ่อหลวงต้องถูกทอดทิ้ง เสื่อมโทรมจนเกือบจะลืมไปว่า น้ำบ่หลวงยังมีอยู่ ทำให้เป็นจุดพักของนักท่องเที่ยวที่ไปเที่ยวแถวแม่สายได้ดีเลยทีเดียว
วิธีเดินทาง น้ำบ่อหลวง แม่สาย น้ำบ่อหลวงตั้งอยู่เทศบาล ซอย 8  (อยู่ตรงข้ามตลาดบุญยืน) เข้าไปประมาณ 100 เมตร จะเห็นอยู่ทางซ้ายมือ

5.ตลาดน้อยไม้ลุงขน

หมู่บ้านไม้ลุงขนนั้นเป็นหมู่บ้านที่เก่าแก่อีกแห่งหนึ่งเลยของอำเภอแม่สาย ซึ่งที่มาของชื่อไม้ลุงขน มาจากชื่อต้นไม้ชนิดหนึ่ง เรียกกันว่า “ต้นไม้ลุง” บริเวณกิ่งต้นสนจะมีเถาวัลย์ และกิ่งเล็ก ๆ งอกออกมาลักษณะเหมือนขน ชาวบ้านจึงเรียกว่าไม้ลุงขน และนำมาเป็นชื่อหมู่บ้านดังกล่าว บริเวณใจกลางหมู่บ้านไม้ลุงขนจะมีตลาดอยู่ ซึ่งคนในพื้นที่จะเรียกเป็นภาษาถิ่นว่า “กาดน้อย” กาดน้อยเป็นตลาดเย็น หมายถึงจะขายของตอนเย็น ตอนเช้าก็จะมีพ่อค้าแม่ค้าเอาของมาขายเช่นกัน แต่จะเป็นพวกน้ำเต้าหู้ ปาท่องโก๋ หรือไม่ก็กับข้าวสำเร็จ ส่วนในตอนเย็นเริ่มตั้งแต่เที่ยงวันเป็นต้นไป จะเป็นของสด เช่นผักสดชนิดต่าง ให้ชาวไทย และนักท่องเที่ยวที่มาแม่สายจับจ่ายใช้สอยกันได้

6.วนอุทยานแห่งชาติถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน

อีกที่หนึ่งของแม่สายที่น่าสนใจก็คือ วนอุทยานแห่งชาติถ้ำหลวง หรือ ขุนน้ำนางนอนที่ได้ยินกันในชื่อนี้บ่อยๆ ได้จัดตั้งขึ้นเมื่อเดือน ธันวาคม พ.ศ. 2529พื้นที่จะครอบคลุมหัวดอยนางนอนทั้งหมด อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าดอยนางนอน ท้องที่รับผิดชอบของตำบลโป่งผา อำเภอแม่สายจังหวัดเชียงราย มีเนื้อที่ 8 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 5,000 ไร่ มีพื้นที่สำหรับบริการนักท่อง เที่ยวอยู่ 2 แห่งคือ
1.บริเวณวนอุทยานถ้ำหลวง มีเนื้อที่ 12 ไร่ ตั้งอยู่ท้องที่บ้านน้ำจำ ต.โป่งผา
อ.แม่สาย จ.เชียงราย เป็นที่ตั้งสำนักงาน
2.บริเวณขุนน้ำนางนอน มีเนื้อที่ 8 ไร่ ตั้งอยู่ท้องที่บ้านจ้อง ต.โป่งผา อ.แม่สายจ.เชียงราย
การเดินทาง
เดินทางได้โดยใช้ทาง หลวงหมายเลข 10 จากเชียงราย – แม่สาย ระยะทางประมาณ 60 กิโลเมตร จากนั้นเลี้ยวซ้ายตามป้ายชื่อ (ปากทางเข้าอยู่บริเวณตรงข้ามโรงเรียนบ้านน้ำจำ ต.โป่งผา) วนอุทยานถ้ำหลวง – ขุนน้ำนางนอน ระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร

7.ถ้ำปลา

ถ้ำปลาในตำนานได้กล่าวว่าเป็นสถานที่ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จมาประทับพระอิริยาบถ และได้ทรงอธิษฐานปล่อยปลาลงไว้ภายในถ้ำนี้ตามตำนานซึ่งได้กล่าวว่า ประมาณพรรษาที่ 19 หรือ 20 หลังจากตรัสรู้ พระพุทธเจ้าได้เสร็จมาโปรดสัตว์และได้เสด็จออกบิณฑบาตร ณ เมืองโยนกนาคนครไชยบุรีศรีช้างแสน โดยทรงโปรดพระเจ้าสิงหรวัติราชา ผู้ครองนคร และปู่เจ้าลาวจก ทรงบิณฑบาตรในมืองแล้วเสด็จไปฉันบิณฑบารตรที่ถ้ำปุ่ม จากนั้นได้ทรางดำเนินเลียบตีนเขาไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ มายังถ้ำเปลวป่องฟ้า ได้ทรงนำเอาปลาห่อหมก (ปลาห่อหนึ้ง) ปลาไม้หีบปิ้ง ที่ทรงได้รับจากบิณฑบาตรมาอะษฐานให้เขามีชีวิต ให้พระอานนท์เทน้ำจากบาตรพร้อมทั้งปล่อยปลาเหล่านั้นลงไปในรูเหวบนถ้ำเปลวป่องฟ้า น้ำนั้นไหลออกหน้าผาไปทางทิศตะวันออก ด้วยเหตุนี้ถ้ำนั้นจึงถูกเรียกว่าถ้ำปลา พระพุทธเจ้าได้ทรงอธิษฐานเอาก้อนหินใหญ่ก้อนหนึ่งปิดรูเหวที่ทรงเทน้ำลงไปนั้นเสีย เอาพระหัตถ์ลูบคลำพระเกษามาเส้นหนึ่ง ทรงอธิษฐานบรรจุไว้ในก้อนหินใหญ่นั้น เพื่อให้เป็นที่สักการะบูชาแก่คนและเทพยดาสืบไป ดังนั้น ถ้ำปลาจึงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอีกที่ของ อ.แม่สาย
สถานที่ตั้ง
   วัดถ้ำปลาตั้งอยู่บริเวณบ้านถ้ำ ต.โป่งผา อ.แม่สาย ห่างจาก อ.แม่สายมาทางทิศใต้ประมาณ 13 กิโลเมตร ถ้ามาจากเชียงรายจะอยู่ซ้ายมือ (บริเวณจุดตรวจบ้านถ้ำ) มีป้ายขนาดใหญ่บอกเอาไว้อย่างชัดเจน ระยะทางจากปากทางเข้าไปประมาณ 3 กิโลเมตร ระหว่างทางจะมีหมู่บ้านชาว จีนฮ่อ ให้เห็นอยู่ 2 ข้างทาง ซึ่งจีนฮ่อที่อาศัยอยู่บริเวณนี้เป็นจีนฮ่อที่พลัดถิ่นมากจากประเทศจีนแผ่นดินใหญ่

8.ตลาดดอยเวา

ตลาดดอยเวาเป็นแหล่งซื้อ-ขายของฝากทำให้นักท่องบเที่ยวแทบทุกคนต้องได้มาสักครั้งหนึ่ง เพราะว่าราคาประหยัดถูก บริเวณนี้แต่เดิมเป็นที่ว่างเปล่า ตั้งอยู่บริเวณหน้าวัดดอยเวา หรือปากทางขึ้นไปพระธาตุดอยเวานั่นเอง ซึ่งเป็นที่ดินบริเวรวัดดอยเวา หลังจากนั้นทางวัดได้ก่อสร้างเป็นอาคารชั้นเดียว เพื่อจัดสรรให้บรรดาพ่อค้าแม่ขายได้จับจองล๊อกเพื่อขายของฝาก โดยเงินที่ได้จากค่าเช่านั้น ทางวัดได้นำมาบูระณะปฏิสังขรบริเวณรอบ ๆ วัดและพระธาตุดอยเวาให้ดูดี และเป็นระเบียบเรียบร้อยยิ่งขึ้น
   บรรดาของฝากที่มีขายกันมากมาย ประกอบไปด้วย เครื่องใช้ไฟฟ้า, ขนมชนิดต่าง, เครื่องคิดเลข, เสี้อผ้ากันหนาว, เสี้อผ้าแฟชั่น, ชุดว่ายน้ำ, ถุงเท้า, รองเท้า, ของเล่นเด็ก, ภาพโปสเตอร์, พรม, ผ้าห่มขนปุย, ฯลฯ โดยสินค้าส่วนใหญ่จะผลิตในประเทศจีน มีบางอย่างที่ผลิตในประเทศพม่าเช่น เครื่องสำอางค์ หรือขนมบางอย่าง สนนราคาก็ไม่แพงเลย อาทิเช่น เครื่องเล่นวีซีดีเครื่องละประมาณ 1,000-1,200 หรือถ้าคุณต่อรองดี แล้ว อาจจะต่ำกว่าพันก็ได้ เครื่องคิดเลขขนาดใหญ่ก็ราคาประมาณ 100 บาท อันเล็ก ๆ น่ารัก ๆ ประมาณ 30-60 บาท ของเล่นเด็กที่ผลิตในจีนก็ราคาถูก แต่คุณภาพ หรือความคงทนก็ด้อยตามราคาของมัน
ตลาดสายลมจอย
     ส่วนแหล่งขายของฝากอีกที่หนึ่งคือบริเวณถนนสายลมจอย (สายลมโชย) ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเดินทะลุมาจากตลาดดอยเวาได้เลย สินค้าที่มีจำหน่ายที่นี่ก็มีคล้าย ๆ กับของตลาดดอยเวา ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ถนนสายลายจอยแห่งนี้จะถูกเนรมิตให้เป็น ถนนข้าวสาร(แม่สาย) มีการปิดถนนคนเดิน ให้นักท่องเที่ยวและชาวบ้านได้เล่นน้ำสงกรานต์กันอย่างเต็มที่ ซึ่งได้เริ่มเมื่อปี 2547 นี้เป็นปีแรก

9.พระธาตุดอยตุง


พระธาตุดอยตุงนอกจากมีความสำคัญในทางพุทธศาสนาแล้ว บนยอดดอยตุง เป็นยอดเขาที่สูง อีกทั้งเป็นที่อยู่อาศัยของพวกชาวเขาเผ่าต่าง ๆ เช่น อีก้อหรืออาข่า มูเซอดำ มูเซอแดง เย้า และเผ่าลีซอ เป็นต้น และในปัจจุบัน หลังจากที่ได้รับการพัฒนาความให้ได้รับความอุดมสมบูรณ์กลับคืนมาอีกครั้งหนึ่ง และยังจัดที่ทำกินให้กับพวกชาวเขาเหล่านั้นให้ได้มีที่ทำกินอย่างเป็นหลักแหล่งไม่อพยพเร่ร่อนไปตัดไม้ทำลายป่าเพื่อปลูกพืชไร่อีกต่อไปโดยเฉพาะอย่างยิ่ง สมเด็จพระศรีนครินทรา บรมราชชนนี ทรงมีความสนพระทัยที่จะพัฒนาดอยตุงให้เป็นพื้นที่อุดมสมบูรณ์ มีการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างเหมาะสมพร้อมทั้งยกระดับคุณภาพชีวิตของประชากรในบริเวณนั้นให้ดีขึ้นคณะกรรมการที่รับผิดชอบ จึงเห็นควรจัดพื้นที่ในโครงการดอยตุงให้เป็นพื้นที่ทรงงานของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมชนนีไปด้วยจึงได้จัดสร้างตำหนักที่ประทับขึ้นบนดอยตุงดังที่ปรากฎในปัจจุบัน
ทางไป พระธาตุดอยตุง
พระธาตุดอยตุง อยู่ห่างจากตัวเมืองแม่สายประมาณ 48 กิโลเมตร แยกซ้ายจากทางหลวงหมายเลข ๑๑๐ ตรงกิโลเมตร ที่ ๘๗๑-๘๗๒ เข้าทางหลวงหมายเลข ๑๑๔๙ ประมาณ ๑๗ กิโลเมตร เป็นทางราดยางตลอดและขึ้นเขาสูง ขึ้นเรื่อยๆ พระธาตุดอยตุงเป็นที่บรรจุพระรากขวัญเบื้องซ้ายของพระพุทธเจ้า นับเป็นครั้งแรกที่พระ พุทธศาสนาลัทธิลังกาวงศ์ได้มาประดิษฐานที่ลานนาไทย ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวของแม่สายที่โ่ด่งดังอันดับต้นๆอีกด้วย

10.วัดถ้ำผาจ๋ม

คือวัดที่มีขอบเขตติดต่อกับชายแดนพม่า และมีแม่น้ำแม่สาย เป็นเส้นแบ่งเขตชายแดนทั้งสองประเทศ ทำให้นักท่องเที่ยวไปที่แม่สาย ส่วนมากมาถึงแม่สาย ก็จะสามารถไปเที่ยวกันได้
ก็จะเลยข้ามฝั่งไปประเทศพม่า ที่เรียกกันว่าฝั่งท่าขี้เหล็ก ไปเที่ยวซื้อของพื้นเมืองของที่ระลึกต่าง ๆ อันได้แก่ หินหยก หยกของประเทศพม่า เป็นหยกที่ดีที่สุดเพราะมีความเป็นมันวาว อยู่ในตัวของมันพวกเครื่องประดับต่าง ๆ เช่น พลอยทับทิม ตัวแหวน สร้อยข้อมือ ซึ่งค่าแรงงานทางฝั่งพม่า ไทยใหญ่ถูกกว่าทางกรุงเทพฯ และยังมีสินค้าของประเทศจีน ที่ผ่านเข้ามาจากคุนหมิง มาทางเชียงตุงแล้วเข้ามาวางขายที่ตลาดท่าขี้เหล็กนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เมื่อมาแล้ว ก็จะถ่ายรูปตรงป้ายที่เขียนว่า “เหนือสุดยอดสยาม” เพราะบริเวณเขต ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย นั้นเป็นพื้นที่ส่วนที่สูงที่สุดของประเทศไทย ฉะนั้นวัดถ้ำผาจม จึงเป็นวัด และเป็นสายที่ท่องเที่ยวของแม่สาย ที่ตั้งอยู่เหนือสุดของประเทศไทย

อาหารพื้นเมือง

แกงอ่อม

ถือเป็นอาหารยอดนิยมอย่างหนึ่งในบรรดาอาหารเหนือทั้งหลาย โดยเฉพาะในเทศกาลงานเลี้ยงโอกาสพิเศษต่าง ๆ แกงอ่อมเป็นแกงที่ใช้เนื้อได้ทุกประเภท เช่น เนื้อวัว เนื้อควาย เนื้อไก่








ข้าวซอย

เป็นอาหารของไทลื้อ ที่นำมาเผยแพร่ในล้านนาหรือภาคเหนือ ตามตำรับเดิมจะใช้พริกป่นผัด
 โรยหน้าด้วยน้ำมัน เมื่อมาสู่ครัวไทยภาคเหนือก็ประยุกต์ใช้พริกแกงคั่วใส่กะทิลงไปกลายเป็น
 เคี่ยวให้ข้น ราดบนเส้นบะหมี่ ใส่เนื้อหรือไก่ กินกับผักกาดดอง หอมแดงเป็นเครื่องเคียง







แกงโฮะ

คำว่า โฮะ แปลว่า รวม แกงโฮะก็คือแกงที่นำเอาอาหารหลายอย่างมารวมกัน  สมัยก่อนแกงโฮะมักจะทำจากอาหารหลายอย่างที่เหลือจากงานบุญมาผัดรวมกัน  แต่ปัจจุบันใช้เครื่องปรุงใหม่ทำก็ได้หรือจะเป็นของที่ค้างคืนและนำมาปรุงใหม่อีกครั้งหนึ่ง แกงโฮะเป็นอาหารที่นิยมแพร่หลายมีขายกันแทบทุกร้านอาหารพื้นเมืองในภาคเหนือ








ขนมจีนน้ำเงี้ยว

หรือขนมเส้นหมากเขือส้ม เป็นอาหารพื้นเมืองของชาวไทใหญ่ เดิมใช้เส้นก๋วยเตี๋ยว
 เป็นหลัก ต่อมาคนพื้นเมืองดัดแปลงมาใช้เส้นขนมจีนแทน กินกับถั่วงอก ผักกาดดอง  เพิ่มรสชาติความอร่อยยิ่งขึ้น








แกงฮังเล


 เป็นอาหารพื้นบ้านของชาวไทใหญ่อีกชนิดหนึ่ง ซึ่งอาจได้รับอิทธิพลมาจากอาหารพม่า
ในอดีต เป็นแกงที่ทำได้ง่าย ใส่พริกแห้ง ผงแกงฮังเล มะเขือเทศ และเนื้อ แล้วนำมาผัดรวมกัน







น้ำพริกอ่อง


เป็นน้ำพริกขึ้นชื่อของภาคเหนือ ลักษณะเด่นของน้ำพริกอ่องคือ มีสีส้มของมะเขือเทศและพริกแห้ง การกินน้ำพริกอ่องต้องมีผักจิ้ม เช่น มะเขือเปราะ ถั่วฝักยาว ผักกาดขาว แตงกวา








แกงขนุน


แกงขนุน หรือ แกงบ่าหนุน ถือว่าเป็นแกงที่มีชื่อเป็นมงคล บางท่านนิยมแกงกินในงานแต่งงาน เพื่อเป็นเคล็ดว่าให้คู่แต่งงานนั้นมีความเกื้อหนุนจุนเจือต่อกัน และในวันปากปี คือหลังวันเถลิงศก (วันพญาวัน) หนึ่งวัน บางแห่งนิยมใส่ข่า ตะไคร้ทุบ และอาจมีจักข่าน (สะค้าน) บ่าแขว่น (ผลกำจัด) โขลกใส่ลงไปในแกงด้วย





แอ็บปลา


อาหารที่ปรุงด้วยการนำปลาสด เช่น ปลาช่อน ปลาดุก มาคลุกเคล้ากับเครื่องปรุง แล้วห่อด้วยใบตอง เช่นเดียวกับ
แอ็บอ่องออ แอ็บกุ้ง แล้วนำไปปิ้งหรือย่าง ด้วยไฟอ่อนๆ จนข้างในสุก







น้ำพริกหนุ่ม


พริกหนุ่ม คือพริกสดที่ยังไม่แก่จัด น้ำพริกหนุ่ม เป็นน้ำพริกที่มีลักษณะข้น เป็นอาหารพื้นบ้านล้านนาที่รู้จักกันทั่วไป มีจำหน่ายแพร่หลายแก่นักท่องเที่ยว นิยมซื้อเป็นของฝาก รับประทานกับแคบหมู บางสูตรใส่ปลาร้าสับ และกะปิห่อใบตองย่างไฟ บางสูตรใส่น้ำปลากับเกลือ แล้วแต่ชอบ






ไส้อั่ว



 คำว่า อั่ว หมายถึง แทรก หรือยัดไว้ตรงกลาง ไส้อั่ว จึงหมายถึงไส้ที่มีการนำสิ่งของยัดไว้ การทำไส้อั่ว นิยมใช้ไส้หมูและเนื้อหมู การทำไส้อั่ว เป็นวิธีการถนอมอาหาร ให้สามารถรับประทานได้นานขึ้น คือประมาณ 1-2 วัน แต่ถ้าเก็บไว้ในที่เย็น หรือปัจจุบัน มีการบรรจุถุงแบบสูญญากาศ ก็เก็บไว้ได้นานมากยิ่งขึ้น การทำให้ไส้อั่วสุก จะใช้วิธีปิ้ง หรือทอดก็ได้